คู่รักหลายๆคู่ก็คงใฝ่ฝันที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน และกำลังจะเข้าสู่ช่วงที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือการแต่งงาน แต่หลายๆคู่ก็คงจะกังวล เพราะว่าการแต่งงานและการสร้างครอบครัวนั้นต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลย ในเรื่องของการเตรียมการต่างๆมากมาย การคุยกันระหว่างครอบครัวเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ตกลงกันเรื่องสินสอด ค่าจัดงานแต่ง วันนี้เราจะมาบอกคร่าวๆเกี่ยวกับการการวางแผนการเงินและการทำงบประมาณสำหรับเริ่มต้นชีวิตคู่ เพื่อที่งานจะได้ออกมาได้ตรงใจทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวมากที่สุด และอยู่ในงบประมาณที่พอใจและสามารถจ่ายได้ แต่ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวตั้งไว้ ซึ่งอาจแตกต่างกันในแต่ละคู่ บทความนี้เป็นเพียงไกด์ไลน์ให้เห็นว่าการจัดงานแต่ง ควรต้องเตรียมค่าใช้จ่ายสำหรับเรื่องอะไรบ้าง ชุดแต่งงานเจ้าบ่าวเจ้าสาว ชุดแต่งงานของบ่าวสาวจะมีทั้งแบบให้เช่าตัด และการตัดซื้อ โดยราคาชุดก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละร้านแต่ละแบรนด์ ราคาเริ่มต้นชุดของบ่าวสาวก็จะไม่เท่ากัน และราคาชุดแต่งงานเจ้าสาวมักจะแพงกว่าของเจ้าบ่าว เพราะด้วยรายละเอียดของตัวผ้าที่มีความละเอียดมากกว่าชุดเจ้าบ่าว ราคาเช่าตัดของเจ้าสาวจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 35,000 บาทขึ้นไป แต่ถ้าเป็นการสั่งตัดซื้อราคาก็จะเพิ่มขึ้นอีกมาก มักจะเริ่มต้นที่ 25,000 – 60,000 บาทขึ้นไป และควรเผื่องบไว้ในส่วนของรองเท้า และเครื่องประดับต่างๆด้วย 2. ค่าแต่งหน้า ทำผม นอกจากชุดแต่งงานที่สวยงามแล้ว ความสวยงามอีกอย่างก็คือการแต่งหน้าและทำผม บ่าวสาวบางคู่อาจจะลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้โดยการจัดการด้วยตัวเองทั้งการแต่งหน้าและทำผม แต่คู่บ่าวสาวส่วนมากก็อยากให้ภาพออกมาดูดีมากที่สุดเพราะเป็นวันสำคัญส่วนหนึ่งในชีวิตจึงอาจจะจ้างช่างแต่งหน้า ซึ่งเรตราคาของช่างแต่งหน้าก็จะราคาเริ่มต้น 7,000 – 40,000 บาท แต่ถ้าในกรณีที่ไปแต่งหน้านอกสถานที่ อาจจะต้องมีค่าที่พักให้กับช่างด้วย ไม่รวมค่าคอร์สดูแลผิวหน้าและผิวกาย ซึ่งคู่บ่าวสาวบางคู่อาจจะเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนวันจริง 3. สถานที่จัดงาน งบสถานที่จัดงานแต่ง จะมีทั้งให้เช่าแค่สถานที่อย่างเดียว…
Author Archives: order 3minutesfood
สำหรับคนมีคู่การแต่งงานคงเรียกได้ว่าเป็นวันพิเศษที่เป็นจุดเริ่มต้นดี ๆ ของการใช้ชีวิตคู่ แต่ถ้าหากจะพูดถึงพิธีแต่งงานแล้วก็คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการแต่งงานนั้นถือเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมการทั้งแหวน เสื้อผ้า หน้า ผม การ์ดเชิญหรือการวางแผนขั้นตอนพิธี และเรื่องต่าง ๆ อีกมากมายที่สุดแสนจะวุ่ยวายมากเลยทีเดียวและเพื่อไม่ให้ส่วนสำคัญตกหล่นไปในวันพิเศษในบทความนี้เราจะมาช่วยคู่บ่าวสาวมือใหม่เตรียมงานแต่งกันจะมีขั้นตอนอะไรบ้างไปดูกันเลย โดยทั่วไปแล้วเฉลี่ยระยะเวลาที่ใช้ในการเตรียมงานแต่งส่วนมากจะอยู่ที่ 10-12 เดือน และเพื่อให้บ่าวสาวคู่ใหม่ได้ทำการ Checklist ไปด้วยในระหว่างการเตรียมงานเราจะแบ่งสิ่งที่จะต้องเตรียมในแต่ละช่วงไว้ ดังนี้ 1. ก่อนจัดงานแต่งงาน 9-12 เดือน ในช่วงนี้จะเป็นช่วงของการเริ่มต้นหลังจากมีการพูดคุยและตกลงกันของทั้งสองฝ่าย สำหรับ Checklist ที่ต้องทำในช่วงนี้หลัก ๆ แน่นอนว่าจะต้องเป็นในส่วนของการวางแผนต่าง ๆ อาทิเช่น การวางแผนด้านงบประมาณว่าต้องการที่จะใช้งบเท่าไหร่ อยากจัดงานแบบไหน จำนวนแขกในงาน มองหาฤกษ์สำหรับการแต่งงาน รวมไปถึงการดีลเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ช่างภาพ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ดีลเรื่องค่าเช่าสถานที่ ค่าใช้จ่ายสำหรับอาหารเลี้ยงแขกในงาน สำหรับงบประมาณในขั้นตอนนี้ คู่บ่าวสาวอาจต้องเสียเงินไปกับค่ามัดจำต่าง ๆ เพื่อการตกลงเป็นเสียส่วนมากขึ้นอยู่กับรูปแบบของงานที่ต้องการจัด 2. ก่อนจัดงานแต่งงาน 6-4 เดือน ช่วงระยะเตรียมงานอย่างจริงจังในการคอนเฟิร์มกับร้านต่าง ๆ เช่น ร้านแหวน…
การแต่งงานแบบนี้จะมีการเชิญแขกมาเยอะหน่อยแต่ไม่เกิน 40 คน ซึ่งจะเป็นญาติ เพื่อน ของฝ่ายเจ้าสาวและเจ้าบ่าว การแต่งงานสไตล์นี้จะดูอบอุ่นเป็นพิเศษและยังสวยงาม ในขนาดไม่เล็กและใหญ่จนเกินไป 1. ตั้งงบประมาณ สิ่งนี้คือขั้นตอนแรกสำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ต้องการจะจัดงานแต่ง โดยการตั้งงบประมาณงานแต่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้คุณสามารถวางแผนได้ว่างานแต่งจะออกมาในรูปแบบใดโดยที่งบไม่บานปลาย 2. กำหนดจำนวนแขกที่มางาน จำนวนแขกที่มางานน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลต่องบประมาณมากเท่านั้น นอกจากงบประมาณรายหัวที่จะลดลงแล้ว ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่น จำนวนของชำร่วย อาหาร ที่นั่ง ฯลฯ ก็จะลดลงตามสเกลงานที่เล็กลงด้วย 3. สิ่งที่จำเป็นต้องมี สุดท้ายสิ่งจำเป็นต้องมีในงานที่ขาดไม่ได้เลย ที่คู่ของเราจำเป็นต้องกำหนด เช่น ธีมงานแต่งงาน จำเป็นมั้ย ต้องมีหรือไม่ เป็นต้น หากสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องมี คุณสามารถกำหนดให้ชัดเจนว่าเราจะทำอย่างไร หรือจะหาของเหล่านี้ได้จากไหน หรือคุณอยากจะตัดอะไรออกไปบ้างไหม เช่น พิธีรดน้ำสังข์ จำเป็นไหม เวลาสะดวกไหม ต้องมีหรือไม่? พิธีนับสินสอด ข้ามได้มั้ย จะทำอย่างไร แล้วแต่ครอบครัวสะดวก พิธีสงฆ์ ทำบุญตักบาตรตอนเช้า ต้องการทำหรือไม่
อีกหนึ่งความเชื่อในการที่จะเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ มักจะมีการดูฤกษ์ หาฤกษ์ ทั้งวัน และเวลา เพื่อให้วันนั้นเป็นวันที่ดีที่สุด เหมาะแก่การประกอบพิธีมงคล การแต่งงานเพื่อเริ่มต้นชีวิตคู่ก็เช่นกัน ที่ส่วนใหญ่จะมีการดูฤกษ์งามยามดี เพราะเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตคู่หลังแต่งงานดี และราบรื่น ฤกษ์แต่งงาน เดือนมีนาคม 2565 วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 แรม 4 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2565 แรม 8 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2565 แรม 10 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม 2565 แรม 14 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู ฤกษ์แต่งงาน…
การแต่งงาน วันสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต ใคร ๆ ก็อยากจะให้งานออกมาดีที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ทว่างานแต่งงานที่สมบูรณ์นั้น ก็ต้องมาจากการวางแผนเตรียมงานแต่งงานที่ดีด้วย ซึ่งเรื่องนี้แหละที่ทำให้บ่าวสาวหลายคู่ปวดหัวไปตาม ๆ กัน เพราะไม่รู้จะต้องเริ่มจากตรงไหน ต้องทำอะไร หรือ แต่งงานต้องเตรียมอะไรบ้าง ? เอาเป็นว่าเพื่อช่วยให้การเตรียมงานแต่งงานของคุณเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น 1. กำหนดวันแต่งงานก่อนจะวางแผนเตรียมงานแต่งงาน ก่อนอื่นจะต้องหาฤกษ์แต่งงานให้ได้เสียก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้รู้ว่ามีเวลาในการเตรียมงานนานขนาดไหน ทั้งนี้หากเป็นฤกษ์เร่งด่วนมาก ๆ ก็คงเตรียมได้เท่าที่มีเวลาเหลือ แต่ถ้าสามารถเลือกฤกษ์สะดวกเองได้ ก็ควรจะต้องมีเวลาในการเตรียมงานอย่างน้อย 30 วัน เพื่อให้ทุกอย่างไม่ต้องเร่งรีบเกินไป 2. กำหนดงบประมาณงานแต่งคุณจะต้องรู้ก่อนว่างบประมาณของคุณมีเท่าไร เพื่อที่จะได้รู้ว่าคุณควรจะจัดงานเล็ก งานใหญ่ หรือรูปแบบงานประมาณไหน ทั้งนี้หากคุณมีงบมากพอก็สามารถเนรมิตงานแต่งได้ตามใจฝัน แต่ถ้าหากคุณมีงบน้อย แนะนำให้จัดแบบพอเพียงจะดีที่สุด 3. กำหนดธีมงานแต่งธีมงานแต่งก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะคุณจะได้รู้ว่าทิศทางงานแต่งของคุณควรจะจัดหรือเตรียมงานแบบไหน รวมไปถึงแขกที่มางานก็จะได้รู้ด้วยว่าควรจะแต่งตัวมางานแบบไหนดีเพื่อให้เข้ากับงานของคุณ เช่น ธีมวินเทจ เน้นความเรียบง่ายแบบโบราณ 4. เลือกสถานที่จัดงานแต่งงาน พร้อมจองสถานที่หลังจากที่ได้ฤกษ์แต่งงานและกำหนดงบประมาณมาแล้ว เนื่องจากสถานที่แต่งงานหลาย ๆ ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมมาก ซึ่งบางที่อาจต้องจองนานถึงข้ามปีกันเลยทีเดียว ดังนั้นหากได้ฤกษ์มาแล้วไม่ควรรอช้า ควรเลือกและติดต่อจองสถานที่จัดงานทันที 5. กำหนดรูปแบบพิธีการเมื่อจองสถานที่ได้แล้วก็มาถึงขั้นตอนการกำหนดรูปแบบพิธีสำหรับงานแต่ง…
ขนมหวานมงคลที่ใช้ในงานแต่งงานมีหลากหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งมักจะใช้ในขบวนขันหมากซึ่งโดยมากมักจะจัดอยู่ 9 ชนิดด้วยกัน ส่วนคำว่า 9 นั้นหมายถึงความเจริญก้าวหน้า การจัดพานขนมขันหมากนิยมจัดกันเป็นพานคู่ สำหรับขนมที่นิยมใช้ในขบวนขันหมากมีดังนี้ 1 ขนมกงหรือขนมกงเกวียน ซึ่งหมายถึงกงเกวียนที่หมุนไปข้างหน้า โดยความหมายที่ต้องการสื่อถึงงานแต่งงานก็คือ ต้องการให้คู่บ่าวสาวรักและครองคู่อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า 2 ขนมหวานตระกูลทอง เช่น ขนมทองหยิบ ทองหยอด ทองพลู ทองโปร่ง ทองม้วน ทองเอก นั้นถือว่าเป็นขนมมงคล เชื่อกันว่าจะมีเงินทองไม่ขาดมือ และยังหมายถึงความร่ำรวย 3 ขนมเม็ดขนุน ที่ใช้ในงานมงคลต่างๆนั้นมีความหมายว่า ทำการสิ่งใดก็หมายถึงคนเกื้อหนุน ค้ำจุน มีคนคอยช่วยเหลือไม่มีวันตกต่ำ 4 ขนมข้าวเหนียวแก้ว มีความหมายว่า ชีวิตก็จะมีความเหนียวแน่น มั่นคงเป็นปึกแผ่น 5 ขนมฝอยทอง หมายถึงให้คู่บ่าวสาวรักกันยืนยาวและครองคู่อยู่ด้วยกันตลอดไป 6 ขนมจ่ามงกุฎ เป็นขนมมงคลที่ใช้อวยพรในงานแต่งงาน ซึ่งหมายถึงความเจริญก้าวหน้าเต็มไปด้วย ยศถาบรรดาศักดิ์ 7 ขนมถ้วยฟู หรือ ขนมปุยฝ้าย มีความหมายว่า ความรุ่งเรืองความเฟื่องฟูของชีวิต 8 ขนมชั้น หมายถึง การเลื่อนขั้น เลื่อนชั้น เลื่อนตำแหน่ง 9 ขนมเสน่ห์จันทร์ มีความหมายว่า ความมีเสน่ห์ มีผู้คนรักใคร่ นอกจากความเป็นสิริมงคลในงานแต่งงานแล้ว ขนมที่ใช้ในงานแต่งงานยังหมายถึง…
การแต่งงานนั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในพิธีการที่สำคัญมากๆ สำหรับหลายๆ คนในการเริ่มต้นชีวิตคู่ ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นครั้งเดียวในชีวิต ทำให้ทุกคนที่จัดงานแต่งงานล้วนอยากให้งานออกมาดีที่สุด ซึ่งตามความนิยมแล้วนั้นรูปแบบงานแต่งงานจะมีทั้งพิธีเช้า และพิธีเย็น หรืออาจจะมีพิธีเดียวก็ได้ตามแต่ความต้องการ ในบทความนี้จะมาแนะนำถึงเคล็ดลับของงานแต่งพิธีเช้าเพื่อที่จะได้เตรียมตัวอย่างถูกต้อง 1. กำหนดวันที่จะจัดงาน สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อจะจัดงานแต่งงานคือการกำหนดวัน / เวลาที่จะจัดงานนั่นเอง โดยการกำหนดวัน / เวลาที่จะจัดงานแต่งงานนั้นขึ้นอยู่กับความสะดวก และความเหมาะสมของทั้งเจ้าบ่าว / เจ้าสาว อาจจะเป็นวันที่มีการดูฤกษ์ยามมาแล้วว่าเป็นวันมงคลตามความเชื่อ หรืออาจจะเป็นวัน / เวลาที่ทางเจ้าบ่าว / เจ้าสาว รวมไปถึงครอบครัวดูแล้วว่ามีความสะดวกมากที่สุดก็ได้ 2. หาสถานที่จัดงาน สำหรับสถานที่ในการจัดงานแต่งพิธีเช้านั้นก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของเจ้าภาพ รวมไปถึงความเหมาะสมในเรื่องการจัดงาน และจำนวนแขกที่จะมาร่วมงานเป็นหลัก อาจจะเป็นการจัดงานที่บ้าน ที่โรงแรม หรือสถานที่ให้บริการจัดงานแต่งงาน โดยการเลือกสถานที่จัดงานแต่งพิธีเช้าถ้าไม่ได้จัดในโรงแรมควรจะเป็นสถานที่ที่มีความร่มรื่น สถานที่กว้างขวาง โปร่งสบาย เพราะว่าในตอนเช้านั้นจะมีแสงแดด ถ้าสถานที่มีความคับแคบ หรือมีร่มเงาไม่เพียงพอก็จะทำให้ผู้ที่มาร่วมงานต้องเจอกับอากาศร้อนนั่นเอง ซึ่งการจัดงานที่บ้าน หรือสถานที่จัดงานแต่งงานมักจะเจอกับปัญหาเรื่องแสงแดดอยู่เสมอ 3. เรียนเชิญผู้ที่จะมาร่วมงาน เมื่อกำหนดวัน / เวลา สถานที่ได้แล้ว สิ่งต่อไปที่คู่บ่าว / สาวต้องทำคือการบอกกล่าวญาติมิตรเพื่อให้มาร่วมงานในวัน / เวลา ซึ่งการเรียนเชิญผู้ที่จะมาร่วมงานนั้นจะนิยมทำด้วยการแจกการ์ดเชิญ…
1. วางแผนครอบครัว การวางแผนครอบครัวไม่ใช่การวางแผนเรื่องการคุมกำเนิดอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงการวางเป้าหมายให้กับครอบครัวเพื่อให้มีความพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเงิน ที่อยู่อาศัย อาชีพ การมีบุตร หรือแม้แต่การเว้นช่วงที่เหมาะสมสำหรับการมีบุตรอีกคน สิ่งเหล่านี้ควรเกิดขึ้นจากการวางแผนของคนสองคนที่กำลังจะเป็นครอบครัวเดียวกัน 2. ทำความคุ้นเคยกับครอบครัวของอีกฝ่าย การแต่งงานอยู่ที่การตัดสินใจของคนสองคนก็จริง แต่อาจไม่ใช่ทั้งหมด เป็นที่รู้กันดีกว่าการแต่งงานคือการที่สองครอบครัวต้องมาเกี่ยวพันเชื่อมโยงหรือกลายเป็นญาติกันไปโดยปริยาย เพราะฉะนั้นจะยึดเอาแค่คนสองคนเป็นหลักนั้นไม่ได้ ยังต้องคำนึงถึงครอบครัวของอีกฝ่ายด้วย เมื่อทำความรู้จักครอบครัวของอีกฝ่ายแล้ว ก็เข้าสู่การทำความคุ้นเคยซึ่งกันและกัน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่ไม่อาจมองข้าม 3. เรียนรู้กฎหมายสมรส สินส่วนตัว สินสมรส การแต่งงานคือ พิธีการที่บอกกล่าวให้รับทราบโดยทั่วกันว่าคนสองคนกำลังจะใช้ชีวิตร่วมกัน ดังนั้นการแต่งงานจึงเป็นเหมือนการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ เรียกว่าเป็นทางพฤตินัย แต่ในทางกฎหมายแล้วการแต่งงานจะมีผลก็ต่อเมื่อได้จดทะเบียนสมรสเป็นที่เรียบร้อย เรียกว่าเป็นทางนิตินัย คือมีข้อกฎหมายรองรับที่ชัดเจนนั่นเอง ดังนั้นการก่อนแต่งงาน ว่าที่บ่าวสาวจึงควรพูดคุยถึงเรื่องนี้กันให้ชัดเจน 4. ตรวจร่างกาย สุขภาพร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ แม้จะเห็นความแข็งแรงทางร่างกายกันดีอยู่แล้ว แต่เมื่อจะแต่งงานก็ควรมั่นใจในเรื่องสุขภาพของกันและกันเสียก่อน เพราะเรื่องนี้ถือว่าละเอียดอ่อนทีเดียว ซึ่งนอกจากจะตรวจว่าแต่ละคนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์หรือไม่ ยังควรเช็คความพร้อมของการมีบุตรเพิ่มเติมด้วย ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะยังไม่ได้มีแผนการที่จะมีบุตรทันที แต่ก็ควรตรวจเช็คไว้เสียแต่เนิ่น ๆ ว่าพร้อมด้วยกันทั้งคู่หรือไม่ 5. เช็คภาระหนี้สินของแต่ละคน เรื่องเงินเป็นเรื่องที่เงียบไม่ได้เลยสำหรับชีวิตคู่ เรียกว่าเป็นเรื่องที่ต้องพูดให้ชัด เคลียร์ให้จบตั้งแต่ก่อนแต่งงานเลยทีเดียว เพราะใช่ว่าทุกคู่จะมีสถานะทางการเงินที่พร้อมสมบูรณ์ บางคู่อาจต้องพึ่งพิงซึ่งกันและกัน บางคู่อาจต้องช่วยกันสร้างเนื้อสร้างตัว เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องจำเพาะของแต่ละคู่ จะเอาการใช้ชีวิต การใช้เงินของคู่อื่นมาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้เด็ดขาด ทั้งหมดทั้งมวลต้องขึ้นอยู่กับคุณทั้งคู่ประเมินรายรับ-รายจ่าย และหาทิศทางการใช้เงิน ทั้ง 5 เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คนกำลังจะแต่งงานควรทำให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะวางแผนเรื่องพิธีแต่งงาน…
สถานที่รับจัดงานแต่งงานครบวงจรคืออะไร กล่าวถึง สถานที่รับจัดงานแต่งงานครบวงจร คือเป็นสถานที่ที่หนึ่ง ที่ดำเนินพิธีการมงคลสมรสอย่างถูกต้องตามประเพณีแบบขนานไทยแท้ และผสมผสานกับแบบสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ดำเนินพิธีแบบไทย แต่การเลี้ยงรับรองแขกแบบเรียบง่าย ให้แขกในงานมีส่วนร่วม คำว่าสถานที่รับจัดงานแต่งงานครบวงจร จะต้องมีองค์ประกอบหลักดังนี้1. สถานที่จัดงานจะต้องมีเพียงพอในการต้อนรับแขก2. มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครอบคลุม เช่น สถานที่จอดรถ ห้องน้ำที่สะอาด เดินทางได้สะดวก มุมถ่ายรูป มุมพักผ่อน ฯลฯ3. มีเจ้าหน้าที่ทีมงาน ที่เป็นมืออาชีพอย่างเชี่ยวชาญ ให้สมกับเป็นสถานที่รับจัดงานแต่งงานครบวงจร4. แยกพื้นที่โซนการจัดงานชัดเจน5. อุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้6. อาหาร และเครื่องดื่มที่เพียงพอในงาน7. ตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม8. ไฟ แสง สี เสียง ที่พร้อมอยู่ตลอด9. ช่วงเวลา กำหนดการที่ชัดเจน และตรงเวลา สถานที่รับจัดงานแต่งงานครบวงจรจะต้องมีพื้นที่แบบใดบ้าง ? การดำเนินพิธีมงคลสมรสจะต้องแบ่งโซนพื้นที่อย่างชัดเจน เพื่อให้แขกได้ทำกิจกรรมร่วมกันได้อย่างไม่แออัดจนเกินไป เช่น มุมถ่ายรูปที่จัดเป็นฉากแกลอรี่มีหลายมุม เวทีประกอบพิธีการแบ่งออกเป็นโซน เพื่อให้ทีมงานจัดเตรียมอุปกรณ์ในพิธีถัดไปได้อย่างสะดวก พื้นที่ที่ทำพิธีการที่สำคัญในงานมงคลสมรส ทางสถานที่รับจัดงานแต่งงานครบวงจรจะต้องมีดังนี้1. พิธีเจริญพุทธมนต์ จะต้องเป็นเวทีใหญ่ยกสูงในระดับนึง สำหรับรองรับพระสงฆ์ 9 รูป เพื่อให้แขกสามารถนั่งฟังพระที่เก้าอี้ได้2. พิธีแห่ขันหมากอย่างเป็นทางการ จะต้องมีจุดเริ่มต้นขบวน ในระยะทางที่ไม่ไกลมากที่อยู่นอกอาคาร…